Review: MD Formula P.H.D. Professional Brightening Serum from the UK

Image
Personally, I have a serious issue with dark spots on our face, which is a significant concern for us. Due to having thin-layer and sun-sensitive skin, dark spots have formed and I am worried more about melasma formed, which may be a serious concern in the future. So, I decided to find a product to address this issue. Today, I will review how the product I have been using worked and what the results I have been achieved. MD Formula P.H.D. Professional For the MD Formula Brightening Serum, the key ingredients that emphasize clarity are Tranexamic Acid 2.5% and Niacinamide 4%. - Tranexamic Acid is an effective brightening agent. In MD Formula, it is used at a concentration of 2.5% to balance the skin and reduce dark spots. - Niacinamide helps tighten pores and improves skin tone. Let's talk about how these two main ingredients work together. This is a strong point of this product because Tranexamic Acid not only reduces dark spots but also inhibits the formation of melasma. Its main

ข้าวคุณแดง โรงสีธันยบูรณ์สถาพร

    "ข้าว" เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย อีกทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย เรียกได้ว่า เป็นอาหารที่อยู่คู่คนไทยมาตั้งแต่อดีตกาล ข้าวนั้นมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิ ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอรี่... แม้ว่าเราจะบริโภคข้าวเป็นหลัก แต่ข้าวแต่ละประเภทก็มีความแตกต่าง และให้คุณประโยชน์ที่ต่างกัน วันนี้มี่เลยจะมารีวิว "ข้าว" แต่ละประเภทให้ชมกันว่า แตกต่างกันอย่างไรค่ะ

   วันนี้ "ข้าว" ที่มี่จะนำมารีวิว มีด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวกล้อง, ข้าวหอมมะลิแดง และข้าวไรซ์เบอรี่ค่ะ ต้องขอบคุณ "ข้าวคุณแดง โรงสีธันยบูรณ์สถาพร" จังหวัด กำแพงเพชร ที่ส่งข้าวคุณภาพดีมาให้ทานค่ะ ^^

   ก่อนจะไปพูดคุยเรื่องข้าว เรามาพูดถึงจุดเด่นของโรงสีข้าวธันยบูรณ์สถาพรกันนิดนึงค่ะ...

ทำไมต้องเป็นโรงสีธันยบูรณ์สถาพร??

   เพราะว่าโรงสีข้าวนี้ เค้าเน้นการทำเกษตรอินทรีย์แบบธรรมชาติสุดๆ คือข้าวทุกต้นที่ปลูกไม่ผ่านการใส่ปุ๋ยเคมี ไม่ฉีด/ไม่ใส่ยาฆ่าแมลง ทำให้เมล็ดข้าวที่ปลูกนั้น เติบโตขึ้นเองตามธรรมชาติจริงๆ ทำให้ผลผลิตที่เค้าเก็บเกี่ยวได้น้อยกว่าโรงสีอื่น (เก็บเกี่ยวได้ประมาณ 400-500 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับโรงสีทั่วไปที่ใช้ยาฆ่าแมลง จะได้เมล็ดข้าวประมาณ 700 กิโลกรัม) แม้ว่าปริมาณการผลิตจะน้อยกว่าที่อื่น แต่คุณภาพนั้นโดดเด่นยิ่งกว่า เพราะเมล็ดข้าวที่เก็บเกี่ยวได้นั้น อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอย่างเต็มที่ เพราะเป็นเมล็ดข้าวที่มีชีวิตรอด ผ่านลมแดด ลมฝน ทนทานต่อสภาวะแวดล้อม เรียกได้ว่า คัดสรรเมล็ดพันธุ์ที่แข็งแรงที่สุดมาให้เราทานถึงบ้านกันเลยค่ะ


  มาเริ่มกันที่ "ข้าวกล้อง" กันก่อนเลย...  ข้าวกล้อง (Brown Rice) คือ ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี หรือขัดสีเพียงครั้งเดียว มีสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม (แล้วแต่พันธุ์ข้าว) โดยปกติแล้วสีจะคล้ำกว่าข้าวขาว รสชาติ มันปานกลาง ใช้พันธุ์ข้าวใดมาทำข้าวกล้องก็ได้ ข้าวกล้องจะมีสารอาหารมากกว่า ข้าวขาวธรรมดา เพราะผ่านการกระเทาะเปลือกเพียงครั้งเดียว ทำให้เยื่อหุ้มเม็ดข้าว (รำ) ยังอยู่ ซึ่งเป็นส่วนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินต่างๆ รวมถึงกากใยอาหารที่มีมากกว่าข้าวขาวถึง 3 เท่า


   คุณค่าทางโภชนาการของข้าวกล้อง

  • มีวิตามินบี ป้องกันการอ่อนเพลียของกล้ามเนื้อ แขน-ขาไม่มีแรง บำรุงสมอง และช่วยให้เจริญอาหาร
  • วิตามิน บี 1 ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา
  • วิตามิน บี 2 ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก
  • วิตามิน บี 3 หรือไนอะซิน ช่วยป้องกันโรคผิวหนัง และเส้นประสาท
  • แคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง ทำให้ไม่เป็นตะคริวได้ง่าย
  • ฟอสฟอรัส ทำให้กระดูก และฟันแข็งแรง เจริญเติบโตได้ดี
  • เหล็ก ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
  • โปรตีน ช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
  • ไขมัน ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เพราะเป็นไขมันดี จึงไม่มีคอเลสเตอรอล
  • คาร์โบไฮเดรต ช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย
  • ทองแดง ช่วยในการสร้างเฮโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง
  • โพแทสเซียม ช่วยให้หัวใจเต้นเป็นปกติ และควบคุมความสมดุลของน้ำในร่างกาย
  • ซีลีเนียม มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่
  • กากใยอาหาร ช่วยให้ท้องไม่ผูก และป้องกันโรคมะเร็งในลำไส้

   วิธีการหุงข้าวกล้อง

1. ล้างข้าว 1 รอบ เพื่อให้สิ่งสกปรกออก ไม่ควรล้างหลายรอบ เพราะจะทำให้คุณค่าของข้าวสูญหาย





2. เติมน้ำมากกว่าการหุงข้าวปกติเล็กน้อย เช่น ใส่ข้าว 2 กระป๋อง น้ำถึงเลข 4 (ปกติเลข 3)




3. หุงข้าวให้สุก


4. ได้ข้าวกล้องเม็ดอวบอิ่มพร้อมทาน




  เมล็ดข้าวกล้องที่หุงสุกแล้ว จะมีสีน้ำตาลอ่อน เมล็ดข้าวอวบแน่น ไม่เละ คงรูปสวยงาม ถ้าใส่น้ำมากกว่าหุงข้าวปกติ จะทำให้เมล็ดข้าวไม่แข็งจนเกินไป รสชาติที่ได้อร่อย ทานคู่อาหารแล้วช่วยดึงรสชาติอาหารออกมาให้เด่นชัดขึ้น อีกทั้งยังมีกากใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้นมากเลยค่ะ ^^ แต่คนที่ไม่เคยทานข้าวกล้องมาก่อน อาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคย เพราะข้าวกล้องนั้น จะมีความแข็งมากกว่าข้าวขาว เนื่องจากมีส่วนผสมของเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวมากอยู่นั่นเองค่ะ ใครที่เพิ่งจะเริ่มหัดทานข้าวกล้อง เวลาหุง อาจจะผสมกับข้าวขาว หรือทานเป็นข้าวซ้อมมือสีแดงก่อนก็ได้ค่ะ

  นอกจากข้าวกล้องแล้ว ยังมี "ข้าวหอมมะลิ" สีแดง และ​ "ข้าวไรซ์เบอรี่" ด้วยนะคะ... "ข้าวหอมมะลิ สีแดง" ข้าวหอมมะลิแดง ถูกค้นพบเพื่อ พ.ศ. 2525-2527 ในการตรวจสอบรวงข้าวจำนวนหนึ่ง พบว่ามีเมล็ดที่เป็นข้าวเหนียวปนอยู่ด้วย เข้าใจว่าเกิดจากการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ เมื่อนำเมล็ดข้าวปนไปปลูก พบว่า ในกอหนึ่งให้เมล็ดที่มีเยื่อหุ้มเป็นสีแดงเรื่อๆ มีแป้งทั้งชนิดที่เป็นข้าวเหนียว และข้าวเจ้า ต่อมา นักวิจัยได้เพาะพันธุ์ และขยายพันธุ์ข้าว ทำให้ได้สายพันธุ์ข้าวหอมมะลิแดงที่เป็นสายพันธุ์ข้าวเบาที่นิยมปลูกกันแพร่หลายในปัจจุบัน...ข้าวหอมมะลิแดง เป็นข้าวที่มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงเข้ม เมื่อหุงสุก จะนุ่ม เหนียว และมีกลิ่นหอมเหมือนข้าวดอกมะลิ 105 แต่สามารถต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ดี ค่อนข้างต้านทานโรคไหม้คุณภาพขัดสีดีด้วย


    คุณประโยชน์ของข้าวหอมมะลิแดง

  • ช่วยลดระดับคอลเลสเตอรอลในเลือด
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง
  • ลดระดับ LDL (ไขมันเลว) ในร่างกาย
  • เพิ่มระดับ HDL (ไขมันดี) ในร่างกาย
  • ช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานดีขึ้น
  • มีโอไมก้า 3 ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และป้องกันโรคความจำเสื่อม
  • มีโอไมก้า 6 ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง พัฒนาระบบสืบพันธุ์ และช่วยลดภาวะการมีบุตรยาก
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
  • ช่วยบำรุงผิวพรรณ
  • ช่วยลดการอักเสบของบาดแผล ทำให้บาดแผลหายไวขึ้น

  ในส่วนของ "ข้าวไรซ์เบอรี่" นั้น ตอนนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีสีม่วงแปลกตาแล้ว ยังมีคุณประโยชน์มากมายที่พวกเราไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ รวมถึงช่วยป้องกันโรคยอดฮิตที่ตอนนี้ผู้คนนิยมเป็นกันเยอะมากๆ เช่นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด เรียกได้ว่า ใครที่มีความเครียดสะสม หรือมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเหล่านี้ ต้องรีบหา "ข้าวไรซ์เบอรี่" มาทานแล้วค่ะ



  ประโยชน์ของข้าวไรซ์เบอรี่
  • มีโอเมก้า 3 ช่วยในการทำงานของระบบประสาท สมอง และตับ
  • ลดไขมัน คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในหลอดเลือด
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส
  • ลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง และหัวใจ
  • ป้องกันโรคเหน็บชา
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
  • แก้ท้องเสีย ท้องร่วง
  • ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม
  • ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ
  • ลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน
  • ลดความดันโลหิตสูง
  • มีกากใยอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อระบบการขับถ่าย
เทคนิคการหุงข้าวไรซ์เบอรี่ให้อร่อย: เนื่องจากข้าวไรซ์เบอรี่บางทีจะมีเยื่อหุ้มเมล็ดติดมาด้วย ทำให้เวลาหุงข้าว ดูแล้วไม่ค่อยฟูขึ้นหม้อเท่าไร และข้าวอาจจะไม่นุ่มมากเท่าข้าวขาว ก่อนหุงจึงแนะนำให้แช่ในน้ำก่อน 2-3 ชม. แล้วค่อยหุง จะทำให้ข้าวไรซ์เบอรี่นุ่มขึ้นมาก ส่วนใครที่ไม่คุ้นเคยกับข้าวชนิดนี้ ในช่วงแรกสามารถหุงผสมกับข้าวขาวหอมมะลิ ในอัตราส่วน 1:1 ก็ได้ค่ะ

ใครสนใจสั่งซื้อ "ข้าวคุณแดง โรงสีธันยบูรณ์สถาพร" สามารถติดต่อได้ตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ
  • โทร 061-878-7879
  • โทร 093-162-5655
  • โทร 087-787-8779



++++ ขอบคุณที่เข้ามาชมกันค่ะ ++++

ติดตามผลงานของมี่ได้ทาง...

Comments

Post a Comment

Popular posts from this blog

Review: สบู่ Asepso (อาเซปโซ) สูตรออริจินัล

Review: VISTRA IMU-PRO C Acerola Cherry 2000 Plus

Gianni Ristorante ร้านอาหารอิตาเลี่ยนคุณภาพ ^^